3: พื้นฐานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3: พื้นฐานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

1. บทนำ

  • ความสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์:
    • เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้วงจรไฟฟ้าทำงานได้ตามที่ออกแบบ
    • มีหน้าที่ควบคุม, เปลี่ยนแปลง, หรือประมวลผลสัญญาณไฟฟ้า
    • มีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน
  • การจำแนกประเภทของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์:
    • Passive Components: อุปกรณ์ที่ไม่ต้องการแหล่งจ่ายไฟภายนอกในการทำงาน (เช่น R, L, C)
    • Active Components: อุปกรณ์ที่ต้องการแหล่งจ่ายไฟภายนอกในการทำงาน (เช่น Diode, Transistor)

2. ตัวต้านทาน (Resistor)

  • หน้าที่: จำกัดการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจร
  • สัญลักษณ์:
  • หน่วยวัด: โอห์ม (Ω)
  • ชนิดของตัวต้านทาน:
    • ตัวต้านทานค่าคงที่ (Fixed Resistor):
      • คาร์บอน (Carbon Composition): ราคาถูก, ใช้ทั่วไป
      • ฟิล์มโลหะ (Metal Film): ความแม่นยำสูง, เสถียรภาพดี
      • ฟิล์มคาร์บอน (Carbon Film): คุณสมบัติอยู่ระหว่างคาร์บอนและฟิล์มโลหะ
      • ไวร์วาวด์ (Wirewound): ทนกำลังไฟฟ้าสูง, ใช้กับกระแสสูง
    • ตัวต้านทานปรับค่าได้ (Variable Resistor):
      • โพเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometer): มี 3 ขา, ปรับค่าได้ต่อเนื่อง
      • วอลลุ่ม (Volume Control): โพเทนชิโอมิเตอร์ชนิดหนึ่ง ใช้ปรับความดังเสียง
      • ทริมพอต (Trimpot): โพเทนชิโอมิเตอร์ขนาดเล็ก ใช้ปรับแต่งค่าในวงจร
    • ตัวต้านทานชนิดพิเศษ:
    • LDR (Light Dependent Resistor): ความต้านทานเปลี่ยนตามความเข้มแสง
    • Thermistor: ความต้านทานเปลี่ยนตามอุณหภูมิ (NTC, PTC)
  • การอ่านค่าความต้านทาน:
    • รหัสแถบสี (Color Code): ใช้แถบสีแทนค่าตัวเลขและตัวคูณ
    • รหัสตัวเลข (Numerical Code): ใช้ตัวเลขและตัวอักษร (เช่น SMD Resistor)
  • การต่อตัวต้านทาน:
    • อนุกรม (Series): ความต้านทานรวมเพิ่มขึ้น (Rtotal = R1 + R2 + …)
    • ขนาน (Parallel): ความต้านทานรวมลดลง (1/Rtotal = 1/R1 + 1/R2 + …)
    • ผสม (Series-Parallel): ผสมผสานทั้งอนุกรมและขนาน

3. ตัวเก็บประจุ (Capacitor)

  • หน้าที่: เก็บสะสมพลังงานไฟฟ้าในรูปของสนามไฟฟ้า
  • สัญลักษณ์:
  • หน่วยวัด: ฟารัด (Farad, F) (หน่วยที่ใช้บ่อยคือ ไมโครฟารัด (µF), นาโนฟารัด (nF), พิโกฟารัด (pF))
  • โครงสร้างพื้นฐาน: ประกอบด้วยแผ่นตัวนำ 2 แผ่น คั่นด้วยฉนวน (Dielectric)
  • ชนิดของตัวเก็บประจุ:
    • อิเล็กโทรไลต์ (Electrolytic): มีขั้ว (+/-), ค่าความจุสูง, ใช้กับไฟ DC
    • เซรามิก (Ceramic): ไม่มีขั้ว, ค่าความจุต่ำ, ใช้กับความถี่สูงได้ดี
    • ไมลาร์ (Mylar): ไม่มีขั้ว, คุณภาพดี, ใช้กับความถี่สูงได้
    • แทนทาลัม (Tantalum): มีขั้ว, ค่าความจุสูง, ขนาดเล็ก
    • ฟิล์ม (Film) ไม่มีขั้ว มีหลายชนิดย่อยๆ เช่น Polyester, Polypropylene
    • ตัวเก็บประจุแบบปรับค่าได้ (Variable Capacitor):
      • Variable Capacitor (Varicap/Varactor): ค่าความจุเปลี่ยนตามแรงดันไฟฟ้าที่ตกคร่อม
      • Trimmer Capacitor: ปรับค่าได้เล็กน้อย ใช้ในการจูนวงจร
  • การอ่านค่าตัวเก็บประจุ:
    • พิมพ์ค่าโดยตรง: (เช่น 10 µF)
    • รหัสตัวเลข: (เช่น 104 หมายถึง 10 x 10^4 pF = 100 nF = 0.1 µF)
  • การต่อตัวเก็บประจุ:
    • อนุกรม: ค่าความจุรวมลดลง (1/Ctotal = 1/C1 + 1/C2 +…)
    • ขนาน: ค่าความจุรวมเพิ่มขึ้น (Ctotal = C1 + C2 + …)

4. ตัวเหนี่ยวนำ (Inductor)

  • หน้าที่: เก็บสะสมพลังงานไฟฟ้าในรูปของสนามแม่เหล็ก
  • สัญลักษณ์:
  • หน่วยวัด: เฮนรี (Henry, H) (หน่วยที่ใช้บ่อยคือ มิลลิเฮนรี (mH), ไมโครเฮนรี (µH))
  • โครงสร้างพื้นฐาน: ขดลวดพันรอบแกน
  • ชนิดของตัวเหนี่ยวนำ:
    • แกนอากาศ (Air Core): ใช้กับความถี่สูง
    • แกนเฟอร์ไรต์ (Ferrite Core): ใช้กับความถี่กลางถึงสูง
    • แกนเหล็ก (Iron Core): ใช้กับความถี่ต่ำ
    • ตัวเหนี่ยวนำแบบปรับค่าได้ (Variable Inductor):
  • ปัจจัยที่มีผลต่อค่าความเหนี่ยวนำ:
    • จำนวนรอบของขดลวด
    • ขนาดของแกน
    • ชนิดของวัสดุแกน
  • การต่อตัวเหนี่ยวนำ
    • อนุกรม: ค่าความเหนี่ยวนำรวมเพิ่มขึ้น (Ltotal = L1 + L2 +…)
    • ขนาน: ค่าความเหนี่ยวนำรวมลดลง (1/Ltotal = 1/L1 + 1/L2 +…)
  • การอ่านค่า (ส่วนใหญ่จะพิมพ์ค่าไว้ หรือต้องใช้เครื่องมือวัด)

5. ไดโอด (Diode)

  • หน้าที่: ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ในทิศทางเดียว
  • สัญลักษณ์:
  • โครงสร้าง: รอยต่อ P-N
    • ขั้วแอโนด (Anode, A): ต่อกับสารกึ่งตัวนำชนิด P
    • ขั้วแคโทด (Cathode, K): ต่อกับสารกึ่งตัวนำชนิด N (มักมีแถบสี চিহ্নিত)
  • ชนิดของไดโอด:
    • ไดโอดเรียงกระแส (Rectifier Diode): ใช้ในวงจรเรียงกระแส (Rectifier)
    • ซีเนอร์ไดโอด (Zener Diode): ใช้ควบคุมแรงดันไฟฟ้า
    • ไดโอดเปล่งแสง (Light Emitting Diode, LED): เปล่งแสงเมื่อมีกระแสไหลผ่าน
    • โฟโต้ไดโอด (Photodiode): สร้างกระแสไฟฟ้าเมื่อได้รับแสง
  • การไบอัสไดโอด (Diode Biasing):
    • ไบอัสตรง (Forward Bias): ต่อขั้วบวกของแหล่งจ่ายไฟเข้ากับขั้ว A, ขั้วลบเข้ากับขั้ว K (ไดโอดนำกระแส)
    • ไบอัสกลับ (Reverse Bias): ต่อขั้วบวกของแหล่งจ่ายไฟเข้ากับขั้ว K, ขั้วลบเข้ากับขั้ว A (ไดโอดไม่นำกระแส, ยกเว้น Zener Diode)
  • การต่อไดโอด (เบื้องต้น):
    • ต่ออนุกรมกับโหลด เพื่อเรียงกระแส
    • ต่อขนานกับแหล่งจ่ายไฟ (Zener Diode) เพื่อควบคุมแรงดัน

กิจกรรมการเรียนรู้:

  1. บรรยาย: อธิบายเนื้อหาตามหัวข้อ, ใช้รูปภาพ, แอนิเมชัน, วิดีโอ
  2. สาธิต: แสดงตัวอย่างอุปกรณ์จริง, สาธิตการอ่านค่า, การต่อวงจรอย่างง่าย
  3. ฝึกปฏิบัติ:
    • ให้นักเรียนอ่านค่าตัวต้านทาน, ตัวเก็บประจุ (จากรหัสสี, รหัสตัวเลข)
    • ให้นักเรียนต่อวงจร R, L, C อย่างง่าย (อนุกรม, ขนาน) และวัดค่าด้วยมัลติมิเตอร์
    • ให้นักเรียนทดลองต่อไดโอดในวงจร (ไบอัสตรง, ไบอัสกลับ) และสังเกตผล
  4. อภิปราย: ร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการใช้งานของอุปกรณ์แต่ละชนิด
  5. ทำใบงาน: ตอบคำถาม, วาดรูป, คำนวณค่า, อ่านค่าจากรหัส
  6. โครงงานย่อย (ถ้ามี) ออกแบบวงจรง่ายๆ ที่มี R, L, C, Diode

การประเมิน:

  • สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม
  • ตรวจใบงาน
  • ทดสอบการปฏิบัติ (วัดค่า, ต่อวงจร)
  • ทดสอบย่อย